วันจันทร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

แหล่งที่มา

http://www.kr.ac.th/ebook2/pradit/02.html
https://my.dek-d.com/reder/blog/?blog_id=418163
http://www.br.ac.th/CAI/benjamasilp/art%201.html
http://manastudio.net/
https://preede.wordpress.com

การนำไปใช้

                                    การนำไปใช้
1.ศิลปะในชีวิตประจำวัน
     สิ่งสำคัญในการดำรงชีวิตของมนุษย์ ที่อยู่บนโลกใบนี้ คือ ปัจจัยสี่ ประกอบไปด้วย ที่อยู่อาศัย อาหาร เครื่องนุ่งห่ม และยารักษาโรค ต้องการที่อยู่อาศัยเพื่อป้องกันอันตรายจากภายนอก ต้องการอาหารเพื่อให้ร่างกายแข็งแรง เจริญเติบโต ต้องการเสื้อผ้าหรือเครื่องนุ่งห่มไว้ปกปิดร่างกายป้องกันความร้อน ความหนาวเย็น ต้องการยารักษาโรคเพื่อรักษาโรคภัยต่าง ๆ สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้มีความสำคัญและจำเป็นสำหรับชีวิตมนุษย์ ซึ่งจะขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งมิได้ และจะต้องให้ความสนใจ เอาใจใส่ในการดูแลเรื่องดังกล่าวเหล่านี้นอกจากนี้การเข้าถึงศิลปะจะทำให้มนุษย์มีรสนิยมที่ดี การมีรสนิยมจะเกี่ยวข้องกับศิลปะและการออกแบบรสนิยมเป็นความพอใจของมนุษย์ที่นำหลักการทางศิลปะมาผสมผสานให้เกิดความพอดี เพราะความพอดีและความพอใจ หากมนุษย์เข้าถึงศิลปะได้มากเขาผู้นั้นก็จะมีรสนิยมที่ดีดังนั้นศิลปะจึงมีประโยชน์ต่อมนุษย์และต่อการดำรงชีวิตในปัจจุบัน


2.ทัศนศิลป์กับการประกอบอาชีพ
   จิตรกร 
   ลักษณะงาน 
เขียนภาพทิวทัศน์ ภาพเหมือน ภาพหุ่นนิ่ง ภาพแบบแอบสแตรกท์ และภาพองค์ประกอบที่คล้ายคลึงกัน ด้วยสีน้ำมัน สีน้ำ หรือสีอย่างอื่น ร่างภาพองค์ประกอบเป็นเส้นโครงภายนอกลงบนผ้าใบหรือบนสิ่งอื่น เพื่อเขียนภาพจากแบบ จากภาพภูมิประเทศ หรือจากความทรงจำ ป้ายสีลงบนวัสดุที่ใช้เขียนภาพ จัดแนวเส้นในภาพให้มีสี แบบ และมวลที่กลมกลืนประสานกันอย่างสวยงาม อาจชำนาญในการใช้สี หรือในประเภทของงานที่ทำ และอาจมีชื่อเรียกตามความชำนาญ อาจจัดภาพฉากหลังและจัดที่สำหรับ แสดงสินค้าเพื่อใช้ในงานการค้า อาจซ่อมสิ่งที่ชำรุดเสียหายและซ่อมภาพเขียนที่ซีดจาง

  คุณสมบัติของผู้ประกอบอาชีพ 
มีจินตนาการสูง และสามารถถ่ายทอดจินตนาการออกมาเป็นผลงานได้ มีความถนัดและมีความรู้ทางศิลปะ ชอบและสนใจสิ่งสวยงามในแง่วรรณคดี ดนตรี และศิลปะ

  การเตรียมตัวเข้าสู่อาชีพ 
จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย สายศิลป มีความสนใจและถนัดทางศิลปะ ศึกษาต่อ คณะจิตรกรรม ประติมากรรมและภาพพิมพ์ คณะวิจิตรศิลป หรือคณะศิลปกรรม ในสถาบันอุดมศึกษาของรัฐบาลและเอกชน 

ประวัติส่วนตัว

ประวัติส่วนตัว



ชื่อ: ธนโชติ พรมแจ้ง            ชื่อเล่น: ก็อต
เกิด: 25มกราคม 2542
สัญชาติ:ไทย เชื้อชาติ:ไทย ศาสนา:พุทธ
สถานภาพ:โสด
เป็นลูกคนเดียว
ที่อยู่ปัจจุบัน: บ้านเลขที่213 ตำบล สะตอ อำเภอ เขาสมิง จังหวัดตราด รหัสไปรษณีย์ 23150
โทรศัพท์:0967379353
E-mail:thanachot05072558@gmail.com
Facebook: รู้'อยู่'ก็อต มันซื่อบื้อ
ความสามารถพิเศษ:เล่นกีฬา
คติประจำใจ:ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน
งานอดิเรก:เล่นเกม
ประวัติการทำงาน
 การทำงาน: นักเรียน

ประวัติการศึกษา
จบ ประถมศึกษาปีที่6 โรงเรียนบ้านเจียรพัฒนา พ.ศ.2553
จบ มัธยมศึกษาปีที่3 โรงเรียนสะตอวิทยาคม รัชมังคลาภิเษก  พ.ศ.2556

ปัจจุบันศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่6
สิ้นสุดการสนทนาผ่านแชท

วันจันทร์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

ทฤษฎีศิลปะ

ทฤษฎีศิลปะ


นักปรัชญามีทรรศนะเกี่ยวกับศิลปะแตกต่างกันมากมาย ตามแต่จะให้ความสำคัญจากมุมมองใดเป็นสำคัญ บ้างก็พยายามที่จะอธิบายศิลปะอย่างรวบรัดที่สุดแต่สามารถกินความได้ถึงศิลปะทุกแขนง เช่น นิยามที่ว่า ศิลปะคือการแสดงออกอันไม่มีจำนวนเป็นเขตสุด นับตั้งแต่สิ่งที่ง่ายที่สุด เช่น ถ้วยแก้ว เป็นต้น ไปจนถึงสิ่งที่ยากที่สุด เช่น ภาพเขียน ดนตรี วรรณคดี เป็นต้น และบ้างก็พยายามที่จะกล่าวให้กระชับขึ้นอีกว่า ศิลปะคือการจัดสิ่งที่รับรู้ได้ทางเพทนาการเสียใหม่ให้เป็นระเบียบ (เพทนาการ เช่น สี เสียง แสง เป็นต้น) ดังนั้น จึงสามารถจำแนกศิลปะออกเป็นหลายประเภทหลายชนิด เช่น
1. ประยุกตศิลป์ (Applied Arts)
2. พาณิชยศิลป์ (Commercial Arts)
3. มัณฑนศิลป์ (Decorative Arts)
4. ปริสุทธิศิลป์ (Pure Arts)

และบางท่านได้แบ่งศิลปะออกเป็น 4 ประเภทใหญ่ๆ คือ
1. ทัศนศิลป์ (Visual Arts) คือ ศิลปะที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตา เช่น รูปปั้น ภาพเขียน เป็นต้น
2. โสตศิลป์ (Auditory Arts) คือ ศิลปะที่ฟังได้ด้วยหู คือ ดนตรี
3. สัญลักษณศิลป์ (Symbolic Arts) คือศิลปะที่เป็นสัญลักษณ์ คือ วรรณคดี บทกวี เป็นต้น
4. ศิลปะผสม (Mixed Arts) คือ ศิลปะที่เอาศิลปะอย่างน้อย 2 ชนิดขึ้นไปมาผสมผสานกัน เช่น การเต้นรำ การละคร ภาพยนตร์ เป็นต้น เต้นรำ ประกอบด้วยทัศนศิลป์และโสตศิลป์ การละครประกอบด้วยทัศนศิลป์ โสตศิลป์ และสัญลักษณ์ศิลป์ เป็นต้น

อย่างไรก็ดี นักศิลปะกับนักสุนทรียศาสตร์ต่างก็มีความพยายามที่จะทำความเข้าใจในเรื่องความมุ่งหมายของศิลปะ ดังเกิดคำถามที่ว่า ศิลปะนั้นทำขึ้นเพื่ออะไร บ้างก็ถือว่าความมุ่งหมายของศิลปะก็คือ เพื่อใช้เป็นสิ่งแทนหรือถ่ายแบบธรรมชาติ เหตุการณ์ และบุคคล บ้างก็ถือว่า เพื่อจัดวัตถุแห่งเพทนาการ (Sensous matter) เช่น สี แสง เสียง เป็นต้น ให้เป็นระเบียบอย่างน่าดูชม ชวนให้เพลิดเพลินเท่านั้น และบ้างก็อธิบายว่า เพื่อแสดงออกซึ่งอารมณ์หรือความรู้สึกของมนุษย์นั่นเอง จากทัศนะเหล่านี้ได้พัฒนากลายมาเป็นทฤษฎีทางศิลปะจำนวนมากมาย ดังจะได้กล่าวถึงสาระสำคัญของแต่ละแนวคิดทฤษฎีโดยสังเขป
1. ศิลปะคือการเลียนแบบธรรมชาติ (Art as representaion)
2. ศิลปะคือรูปทรง (Art as pure form)
3. ศิลปะคือการแสดงออกซึ่งอารมณ์ (Art as expression)

ในทฤษฎีที่ว่าศิลปะคือการเลียนแบบธรรมชาตินั้น เป็นทฤษฎีที่เก่าแก่กว่าทฤษฎีอื่น ถือว่า ศิลปะนั้นถ้าไม่เป็นประเภท Representational ก็เป็นประเภท Non-representation ประเภทแรกได้แก่ภาพเขียนสิ่งธรรมชาติ ประเภทหลังก็ได้แก่ภาพเขียนที่แสดงความวิจิตรพิสดารของสีสันต่างๆ โดยไม่เป็นภาพเหมือนของสิ่งใดโดยเฉพาะเป็นตัวอย่าง ชาวกรีกโบราณถือว่า การลอกแบบธรรมชาติได้เหมือนมากที่สุด จัดว่าเป็นสิ่งที่สวยที่สุด ดังคำกล่าวของรอริสโตเติล ที่ว่า “มนุษย์เป็นนักเลียนแบบโดยสัญชาตญาณ ละการเลียนแบบนั้นจะปรากฏออกมาในศิลปวัตถุ ที่ถือว่าการลอกแบบธรรมชาติเป็นศิลปะและสวยงาม ก็เพราะการลอกแบบธรรมชาติเป็นสิ่งที่ทำได้ยากที่สุด ศิลปินในทฤษฎีนี้ มีความเห็นว่า ภารกิจสำคัญ 2 ประการของศิลปะ ก็คือ 1) การเลือกสรรสิ่งที่เหมาะสมที่สุดบรรดามีในโลกมารวมไว้ด้วยกันอย่างกลมกลืน และ 2) ใช้จินตนาการช่วยปลุกอารมณ์สุนทรียะให้เกิดแก่ผู้สนใจ นอกจกนี้ ศิลปะยังช่วยทำให้สิ่งไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตามธรรมดา กลายเป็นสิ่งที่สามารถมองเห็นได้อีกด้วย
ทฤษฎีเรื่องศิลปะคือรูปทรงนั้น ตามทฤษฎีนี้ถือว่า รูปทรงเท่านั้นที่มีความสำคัญในเรื่องคุณค่าทางสุนทรียะ ส่วนการลอกแบบหรือความรู้สึก ไม่มีความสำคัญอะไรนัก คำว่ารูปทรง (Form) หมายถึงการจัดวัตถุแห่งเพทนาการ คือ แสง สี เสียง เป็นต้น ที่เกี่ยวข้องกันให้เป็นระเบียบเหมาะกับกาลเทศะที่มันควรจะอยู่ นักคิดกลุ่มฟอร์มัลลิสต์ (Formalist) ถือว่า ความสวยงามของศิลปะอยู่ที่รูปทรง รูปทรงทำให้เกิดความสนใจ รูปทรงเท่านั้นเป็นสิ่งสำคัญในคุณค่าของสุนทรียะ สิ่งอื่นไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยเลย ความงามของศิลปะก็คือเอกภาพหรือความกลมกลืนของสิ่งที่ต่างกัน ส่วนประกอบของศิลปะจึงควรเป็นสิ่งที่ต่างๆ กัน แต่ถ้ามีสิ่งที่เหมือนๆ กันก็จะมีแต่ความซ้ำซาก ความรู้สึกทางสุนทรียะของศิลปินกลุ่มนี้ เป็นความรู้สึกที่มุ่งต่อรูปทางของงานศิลปะ มิใช่มุ่งแสวงหาอย่างอื่น ถ้าเป็นความรู้สึกหรือมุ่งแสวงหาอย่างอื่น อารมณ์ทางสุนทรียะก็จะหมดไปทันที งานศิลปะชิ้นเยี่ยมจะทำให้เกิดความรู้สึกแปลกใหม่ นำใจผู้ดูล่องลอยไปจากชีวิตจริงเข้าสู่โลกแห่งสุนทรียะ ศิลปะจึงเป็นเครื่องมือที่จะนำใจไปสู่ความตื่นเต้น คล้ายกับใช้กล้องยายช่วยอ่านหนังหนังสือที่ไม่ค่อยชัดเจนแจ่มกระจ่างขึ้นฉะนั้น รูปทรงที่จัดว่าเป็นศิลปะนั้น มิใช่เฉพาะภาพเขียน ภาพปั้นเท่านั้น ดนตรีก็เป็นศิลปะประเภทนี้ด้วย เพราะดนตรีก็ต้องมีการผสมผสานเสียงให้กลมกลืนกันอย่างมีระเบียบ จึงเกิดความไพเราะลึกซึ้งขึ้น ดังนั้น ความงามที่ได้จากรูปทรงจึงไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นสิ่งแทนอะไร หรือว่าจำลองแบบอะไรเลย
และสำหรับทฤษฎีที่ว่าด้วย ศิลปะคือการแสดงออกทางอารมณ์นั้น ถือว่าศิลปะเป็นการแสดงออกของอารมณ์ภายในของมนุษย์ออกมา บ้างครั้งจะเห็นว่า ศิลปินได้แสดงอารมณ์บางอย่างที่เกินความเป็นจริงหรือนอกเหนือไปจากประสบการณ์ตามธรรมดาของเราออกมา ทั้งนี้ก็เพื่อแสดงให้เราเห็นว่า เขามีความความรู้สึกต่อสิ่งนั้นอย่างไร เมื่อศิลปะคือการแสดงอารมณ์ แต่การแสดงอารมณ์ทุกอย่างมิได้เป็นศิลปะไปเสียหมด ลักษณะของการแสดงอารมณ์ที่เป็นศิลปะ ได้แก่
- เป็นการแสดงออกที่เป็นไปด้วยเจตนา คือตั้งใจแสดงออกมา
- เป็นการอารมณ์ที่มุ่งให้เกิดความสวยงาม
- เป็นการแสดงอารมณ์ที่มีพลังจูงใจให้เกิดความรู้สึกว่างามหรือไม่งาม
- สื่ออารมณ์ที่ใช้ในการแสดงอารมณ์ออกมานั้น เป็นสิ่งที่มีความหมายในตัวเอง เช่น คำพูด สีสัน ทรวดทรง เป็นต้น
- เป็นการแสดงอารมณ์ที่มีเอกภาพทางอารมณ์
- อารมณ์ที่ศิลปินสดงออกมานั้นมิใช่เป็นความรู้สึกของใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นอารมณ์ของมนุษย์ทั่วๆ ไป

ดังนั้นทฤษฎีนี้จึงถือว่า ทั้งรูปทรงและความหมาย มีความสำคัญต่อศิลปะด้วยกันทั่งคู่ คุณค่าทางสุนทรียะเกิดจากการสังเคราะห์ของรูปทรงกับความนั่นเอง ศิลปินจะแสดงอารมณ์ใดๆ ออกมาได้ ตนเองจะต้องได้สัมผัสกับอารมณ์ชนิดนั้นมาเสียก่อน แต่บ้างก็ว่าไม่จำเป็น และเห็นว่าสิ่งที่สำคัญต่อการแสดงอารมณ์นั้นก็คือ จิตนาการ จินตนาการจะมีความรุนแรงเพียงใด ก็สามารถแสดงอารมณ์ที่ตนต้องการแสดงออกมาได้ดีเพียงนั้น ฉะนั้น ตาทฤษฎีนี้จึงสรุปว่า คุณค่าทางสุนทรียะขึ้นอยู่กับองค์ระกอบ 2 ประการ คือ ศิลปินสามารถแสดงสิ่งที่ตนต้องการจะแสดงออกมานั้นได้มากน้อยเพียงไร ตามทฤษฎีนี้เชื่อว่ามนุษย์ทุกคนอดที่จะแสดงความรู้สึกของตนเองให้ปรากฏออกมาทางพฤติกรรมทางกายไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นอารมณ์เศร้าหมองหรืออารมณ์สุข
ศิลปะประเภท Expression จึงให้ประโยชน์แก่เรา คือ
- ทำให้เราได้รับความพอใจชนิดที่เราไม่อาจจะทำได้โดยอาศัยเครื่องมืออย่างอื่น

ประเภทของศิลปะ

ประเภทของศิลปะ
  ปัจจุบัน ศิลปินได้สร้างสรรค์ผลงานศิลปะไว้มากมายหลายประเภท ซึ่งเรา สามารถแบ่ง ประเภทของศิลปะ ออกได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ   ตามประเภทของความงาม คือ
  
  1. 
วิจิตรศิลป์ (Fine Art) คือศิลปะที่อำนวยประโยชน์ทางใจ ที่ มุ่งเน้นความงดงาม และความพึงพอใจ มากกว่าประโยชน์ใช้สอย   หรือสิ่งที่มนุษย์สร้างสรรค์ขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการ ทางด้านจิตใจ และอารมณ์ เป็นสำคัญ แบ่งออกเป็น 6 แขนง คือ
  1.1 จิตรกรรม(ภาพเขียน)
  1.2 ประติมากรรม(ภาพปั้น)
  1.3 สถาปัตยกรรม(งานก่อสร้าง)
  1.4 วรรณกรรม(บทประพันธ์)
  1.5 ดนตรี และนาฏศิลป์(การขับร้อง,การบรรเลง)
  1.6 การพิมพ์ภาพ

  2. ประยุกต์ศิลป์ (Applied Art) คือศิลปะที่อำนวยประโยชน์ทางกายมุ่งเน้นประโยชน์ทางการใช้สอยมากกว่าความงาม   หรือสิ่งที่มนุษย์สร้างสรรค์ขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการ ทางร่างกาย แบ่งออกเป็น
   5 แขนง คือ
  1.1 พาณิชย์ศิลป์ (ศิลปะเพื่อประโยชน์ทางการค้า)
  1.2 มัณฑนศิลป (ศิลปะการตกแต่ง)
  1.3 อุตสาหกรรมศิลป์ (ศิลปะออกแบบผลิตภัณฑ์)
  1.4 หัตถศิลป์ (ศิลปะที่ใช้ฝีมือ)
  1.5 การออกแบบ 
 จากความหมาย ความงาม และประเภทของศิลปะ เราสามารถสรุปได้ว่า ศิลปะคือสิ่งที่มนุษย์ สร้างสรรค์ขึ้น เพื่อความงามและความพอใจ   สิ่งใดที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ แม้จะมี ความงดงาม ก็หาใช่ศิลปะไม่ ดังเช่น พระอาทิตย์กำลังจมลงทะเล ดอกไม้หลากสีสวยงาม   ความงามและความพึงพอใจของศิลปะมี 2 ประเภท คือ
  - ความงามทางกาย
  - และความงามทางใจ
  ความงามทางกายเป็นศิลปะที่เกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตของเรา เราสัมผัส และเห็นคุณค่า ได้อย่าง เป็นรูปธรรม  ส่วนความงามทางใจเป็นศิลปะที่มีคุณค่าทางนามธรรม ทำให้เรามีความเป็นมนุษย์ ที่สมบูรณ์ สามารถ ดำเนินวิถีชีวิตได้อย่างมีความสุข  เฉกเช่น การปฏิบัติศีลในพระพุทธศาสนา

 


ทัศนศิลป์หมายถึง

ทัศนศิลป์

        ทัศนศิลป์   หมายถึง  การมองเห็นหรือสิ่งที่พบเห็นในสิ่งที่มนุษย์สร้างสรรค์ขึ้นทำให้เกิดความงาม  ความพอใจ และเกิดอารมณ์สะเทือนใจ
        ความพึงพอใจของแต่ละบุคคลไม่เหมือนกัน ทั้งนี้ขี้นอยู่กับวัฒนธรรม  ประเพณี  สิ่งแวดล้อมและประสบการณ์ที่ได้สร้างสมมา  มนุษย์ถ่ายทอดความคิดสร้างสรรค์จากสิ่งแวดล้อม แล้วสร้างผลงาน  ทางศิลปะให้เกิดความงามและมีคุณค่า
        ความสำคัญ   ทัศนศิลป์  มีความสำคัญต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ มนุษย์มีความต้องการด้านร่าร่างกาย  ด้านจิตใจ และด้านอารมณ์  ความต้องการเหล่านี้ขึ้นอยู่กับทัศนะของแต่ละบุคคล   การมองเห็นความงามของธรรมชาติ ความสงบราบเรียบของท้องทะเลและอื่นๆ เป็นทัศนียภาพ  สิ่งที่มองเห็นเกิดความรู้สึกมีคุณค่าของความงามจนเกิดสุนทรียภาพ
        ศิลปะทำให้ชีวิตมีความหมาย   มนุษย์จะอยู่ได้ด้วยปัจจัย  4 ประการ  ได้แก่  อาหาร  เครื่องนุ่งห่ม  ที่อยู่อาศัย  และ ยารักษาโรค   แต่มนุษย์ก็ยังต้องการ  อาหารทางใจ    มาช่วยผ่อนคลายความเคร่งเครียดในชีวิตประจำวัน   และช่วยพัฒนาอารมณ์   จิตใจจึงจะทำให้ชีวิตนี้มีความสุขสมบูรณ์ได้
        อาหารทางใจที่มนุษย์ต้องการ มีการสืบทอดมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน  ก็คือ  ศิลปะนั่นเอง
        ศิลปะ      เป็นผลงานอันเกิดจากความต้องพากเพียรของมนุษย์  ในอันที่จะสร้างสรรค์ความงาม    เพื่อจรรโลงจิตใจและประโยชน์ที่จะใช้สอยได้  
การสร้างสรรค์งานศิลปะของมนุษย์     แบ่งออกเป็น    2  ประเภทคือ        
1.วิจิตรศิลป์    สนองความต้องการทางอารมณ์และจิตใจ
        2.ศิลปประยุกต์   สนองความต้องการทางด้านประโยชน์ใช้สอย ซึ่งจะกล่าวถึงคุณค่าและการนำไปใช้เพื่อพัฒนาชีวิตและสังคมต่อไป
          งานวิจิตรศิลป์   เป็นศิลปะแห่งความงดงาม  เพื่อให้มนุษย์เกิดความชื่นชมทางด้านจิตใจ  แบ่งเป็น  5 แขนง คือ  1.จิตรกรรม  2.ประติมากรรม  3.สถาปัตยกรรม  4.วรรณกรรม  5.นาฎศิลป์และดุริยางค์ศิลป์
        1.จิตรกรรม     ผลงานได้แก่   ภาพวาดหรือภาพเขียน  และผลงานศิลปะอื่นที่แสดงออกบนพื้นระนาบหรืองานที่มีลักษณะเป็น  2 มิติ
        ผู้สร้างสรรค์งานจิตรกรรม   คือ จิตรกร   เป็นอาชีพที่มีเกียรติ เป็นที่ยอมรับของสังคมทั่วไป เนื่องจากเป็นผู้ที่สร้างงานวาดภาพทั้งกระดาษวาดเขียน  ผ้าใบ ฝาผนัง ภาชนะ เครื่องประดับและบนวัตถุอื่น ๆ งานจิตรกรรม  มีการสร้างสรรค์หลายรูปแบบ  เช่น  การเขียนภาพคน    ภาพคนเหมือน  ภาพดอกไม้ ภาพหุ่นนิ่ง   ภาพเรื่องราวการดำรงชีวิต ภาพประกอบเรื่อง เป็นต้น
        ศิลปินที่เป็น  จิตรกรในสาขาจิตรกรรมได้แก่  เฉลิม  นาคีรักษ์  เฟื้อ  หริพิทักษ์ ทวี
นันทขว้าง     สุชาติ  วงศ์ทอง   เป็นต้น
        2.ประติมากรรม   เป็นงานปั้นและแกะสลักด้วยวัสดุที่แปรรูปได้ เช่น ดินเหนียว ดินน้ำมัน ปูนปลาสเตอร์  ไม้ เป็นต้น  รวมทั้งการนำมาทุบ ตี เคาะ เชื่อม และหล่อเป็นรูปทรงต่าง ๆ ซึ่งเป็นลักษณะ  3 มิติ
        ผู้สร้างสรรค์งานประติมากรรม  คือ ประติมากร  เป็นอาชีพที่สำคัญ และมีเกียรติเป็นที่ยอมรับของสังคมส่วนรวมอีกอาชีพหนึ่ง   โดยทั่วไปจะมีผู้ที่นิยมน้อยกว่าอาชีพจิตรกร  แต่ก็สามารถสร้างสรรค์ผลงานอันทรงคุณค่าให้แก่ตนเองและสังคมไม่ด้อยกว่าอาชีพใดๆ
        งานที่ประติมากรสร้างสรรค์มีตั้งแต่ผลงานขนาดเล็ก จนถึงขนาดใหญ่   เช่น เหรียญชนิดต่าง ๆ ภาชนะ เครื่องประดับตกแต่งพระพุทธรูป และรูปปั้นอนุสาวรีย์  ซึ่งได้แสดงคุณค่าทางความงามจากรูปร่าง รูปทรง และพื้นผิว  ตลอดจนแสงจากธรรมชาติที่ส่องมากระทบผลงานประติมากรรม
        ศิลป์    พีระศรี   ประติมากรรม  ผู้สร้างศิลปินไทย   สร้างอนุสาวรีย์พระบรมรูปรัชกาลที่  6  
ที่ สวนลุมพินี   อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี จังหวัดนครราชสีมา   และเป็นผู้ก่อตั้งมหาวิทยาลัยศิลปากร อีกด้วย     
        3.สถาปัตยกรรม     เป็นการออกแบบก่อสร้างอาคารสถานที่ต่าง ๆ เช่นบ้านเรือนอาคารที่ทำการ   สนามกีฬา  วัด  โบสถ์   วิหาร  เจดีย์    สถูป  พีระมิด   เป็นต้น 
        งานสถาปัตยกรรมที่มีคุณค่าทางวิจิตรศิลป์ หรือความงามตอบสนองความต้องการทางจิตใจ   มักจะเป็นสถาปัตยกรรมแบบดั้งเดิม ที่สร้างขึ้นตามหลักศาสนาและความเชื่อถือศรัทธา   ส่วนสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ที่มุ่งประโยชน์ใช้สอยเป็นหลักและจะมุ่งเน้นความงามแบบเรียบง่าย  ส่วนใหญ่เป็นรูปแบบแท่งเหลี่ยมสูงหลายชั้น เนื่องจากพื้นที่ก่อสร้างภาคพื้นดินค่อนข้างจำกัด จึงจำเป็นจะต้องใช้ พื้นที่บนอากาศให้มากที่สุด   ศิลปินสาขานี้ทางด้าน  สถาปัตยกรรมคือ  พลเรือตรี สมภพ    ภิรมย์   ประเวศ  ลิมปรังสี และภิญโญ  สุวรรณคีรี   เป็นต้น
        
คุณค่าต่อผู้ชมและสังคมส่วนรวม
- งานจิตรกรรม  เป็นศิลปะที่สื่อความงามและความรู้สึกไปสู่ผู้ดูหรือผู้ชื่นชมได้โดยง่าย  คุณค่าเบื้องต้น เป็นคุณค่าทางด้านจิตใจในการชมความงาม ความละเอียดอ่อนของเส้นสี  แสงเงา และองค์ประกอบของศิลป์ต่างๆ  ช่วยผ่อนคลายอารมณ์ และให้คติธรรม แนวคิดในการดำรงชีวิต  และยังรักษาขนบธรรมเนียม  ประเพณีวัฒนธรรม ศาสนา และประวัติศาสตร์  จากจิตรกรรมฝาผนังต่าง ๆ 
-  งานประติมากรรม    เป็นศิลปะที่สื่อความงามและความรู้สึกไปสู่ผู้ดูหรือผู้ชื่นชมได้ด้วยรูปทรง และพื้นผิว โดยมีแสงสว่างมากระทบให้เกิดเงาจากมิติความตื้นลึกของรูปทรงนั้น ๆ
-    งานสถาปัตยกรรม  เป็นศิลปะที่ใช้ประโยชน์ใช้สอยมากกว่า เพราะเป็นอาคารสถานที่สูง  และเป็นที่อยู่อาศัยของมนุษย์นั่นเอง   โดยเริ่มจากการดูแลรักษาที่พักอาศัยต่าง ๆ  เข่น พระราชวัง โบสถ์   ตำหนัก  วัด  วิหาร  เจดีย์  สถูป  เป็นต้น
คุณค่าของผู้ชื่นชมและสังคมส่วนรวม
บทบาทของประชาชนทั่วไปในการใช้ประโยชน์และคุณค่าของสถาปัตยกรรมนับตั้งแต่บ้านเรือน ที่อยู่อาศัย โดยเริ่มต้นจากการดูแลรักษาความสะอาด ความเป็นระเบียบเรียบร้อยภายในบ้าน การใช้หลักทางศิลปะ และรสนิยมส่วนตัว ตกแต่งบ้านเรือนให้น่าอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการประดับตกแตงด้วยต้นไม้ และพื้นที่สีเขียวภายในบ้าน
สำหรับงานทางศิลปะที่มีคุณค่าทางวิจิตรศิลป์   ดังนั้น  เราจึงควรร่วมมือกันอนุรักษ์ศิลปะทั้ง จิตรกรรม   ประติมากรรม  และ  สถาปัตยกรรมอันเก่าแก่ไว้สืบต่อไป
นักเรียนที่ให้ความสนใจในการที่นักเรียนได้เรียนวิชานี้      เป็นศิลปะ  ที่นักเรียนทุกคนจะต้องมี ทัศนศิลป์ของตนเอง  เพื่อการนำไปใช้ในชีวิตประจำวันและการนำไปใช้ในการดำรงชีวิตของมนุษย์ต่อไป

รูปแบบงานทัศนศิลป์

รูปแบบงานทัศนศิลป์
แบ่งเป็น 3 รูปแบบ
1.1 รูปแบบเหมือนจริง (Realistic)
หมายถึง การสร้างงานที่เหมือนจริงดังที่ปรากฏอยู่ในธรรมชาติ โดยยึดหลักการสร้างสรรค์ และการนำเสนอดังที่ตามองเห็น เช่น การเขียนภาพคนเหมือน ภาพสัตว์ ภาพทิวทัศน์ ภาพหุ่นนิ่งใน
งานจิตรกรรม การปั้น การแกะสลัก และการหล่อรูปบุคคลสำคัญที่ทำเป็นอนุสาวรีย์ในงานประติมากรรม เป็นต้น
การสร้างสรรค์งานทัศนศิลป์รูปแบบเหมือนจริง เป็นการนำทัศนธาตุต่าง ๆ มาสร้างสรรค์โดยการจัดองค์
ประกอบศิลป์ แสดงรายละเอียดของผลงานให้เหมือนจริงดังที่ตามองเห็น เช่น งานจิตรกรรม
ชื่อภาพ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เทคนิค ดินสอถ่านชาโคล และสีชอล์กบนกระดาษ
ผลงานของศักดิ์วุฒิ วิเศษมณี
ผลงาน จิตรกรรมคนเหมือน
สื่อความหมาย
ใช้โทนสีของภาพเป็นสีน้ำตาล โดยนำทัศนธาตุต่างๆมาใช้ในการสร้างสรรค์ผลงานได้อย่างกลมกลืนน่าสนใจ โดยเฉพาะการนำเส้นโค้งลักษณะต่างๆมาถ่ายทอดรูปร่าง รูปทรงของบุคคลได้อย่างเหมือนจริง มีขนาด สัดส่วนที่ถูกต้องชัดเจน
การจัดวางภาพบนบริเวณว่างทำได้อย่างเหมาะสม
แสงเงาและสี มีการใช้ค่าน้ำหนักสีที่ดูกลมกลืน ศิลปินนำพื้นผิวมาใช้ในการเน้นพื้นหลังของภาพ ทำให้ภาพที่ให้ความรู้สึกนิ่งๆ กลับดูเคลื่อนไหว และมีเรื่องราวมากยิ่งขึ้น
งานประติมากรรม
ชื่อผลงาน ป้าอิน
เทคนิค ปูนปลาสเตอร์
ผลงานของไพฑูรย์ เมืองสมบูรณ์
ผลงาน ประติมากรรมลอยตัว
สื่อความหมาย เป็นผลงานคนเหมือน รูปผู้หญิงสูงวัย ศิลปินได้นำทัศนธาตุต่างๆมาใช้ในการสร้างสรรค์ผลงานให้มีลักษณะเหมือนจริงมากที่สุด มีการนำเส้นโค้งลักษณะต่างๆมาถ่ายทอดรูปร่าง รูปทรงของบุคคลและแสดงรายละเอียดต่างๆ
ผลงานนี้มีขนาดและสัดส่วนที่ถูกต้องชัดเจน
มีลักษณะพื้นผิวที่เหมือนจริง ดูจากผิวเนื้อมีการขัดและตกแต่งจนเรียบ ส่วนเสื้อผ้ามีลักษณะพื้นผิวที่หยาบกว่า ทำให้ผลงานมีความเด่นชัดและให้อารมณ์ความรู้สึกมากยิ่งขึ้น
1.2 รูปแบบแบบตัดทอน (Distortion)
หมายถึง การสร้างสรรค์งานศิลปะในลักษณะบิดเบือนไปจากของจริง โดยจะให้ความสำคัญกับรูปแบบที่เหมือนจริงน้อยลง แต่ให้ความสำคัญกับรูปแบบจากความคิดของศิลปินมากขึ้น เพื่อสื่อความงามในการรับรู้ให้เข้าใจง่ายและรวดเร็ว
การสร้างสรรค์งานทัศนศิลป์รูปแบบแบบตัดทอน เป็นการนำทัศนธาตุมาจัดองค์ประกอบศิลป์ของผลงาน โดย
การบิดเบือนไปจากของจริงตามความคิดสร้างสรรค์ของศิลปิน เพื่อสื่อความงามในการรับรู้ให้เข้าใจง่ายและรวดเร็ว เช่น
ชื่อผลงาน ดอกไม้
เทคนิค สีน้ำมันบนผ้าใบ
ผลงานของศาสตราจารย์สวัสด์ ตันติสุข
ผลงาน จิตรกรรม
สื่อความหมาย
เป็นผลงานจิตรกรรมหุ่นนิ่งในรูปแบบตัดทอน ศิลปินสร้างสรรค์ผลงานด้วยทัศนธาตุต่างๆได้อย่างกลมกลืนน่าสนใจ โดยเฉพาะการใช้เส้นในการตัดทอนรูปร่าง รูปทรงของหุ่นนิ่งให้มีรูปแบบตัดทอน
การจัดวางภาพลงบนวริเวณว่างทำได้อย่างเหมาะสม ขนาด สัดส่วนของภาพกับผืนผ้าใบมีการจัดวางได้อย่างสมุดเช่นกัน
แสงเงาและสีของผลงานมีการใช้ค่าน้ำหนักของสีที่ดูกลมกลืนกัน มีการนำสีข้างเคืยงมาใช้ในการสร้างสรรค์ผลงานทำให้ภาพดูกลมกลืนด้วยสี
นอกจากนี้ยังถ่ายทอดลักษณะพื้นผิวด้วยรอยเชิงฝีแปรงของเส้นและสี
ชื่อผลงาน แม่กับลูก
เทคนิค ประติมากรรมปูนปลาสเตอร์
ผลงานของสุวิช สถิตวิทยานันท์
ผลงาน ประติมากรรมลอยตัว
สื่อความหมาย
เป็นผลงานประติมากรรมในรูปแบบตัดทอน รูปแม่กับลูก ศิลปินถ่ายทอดผลงานด้วยทัศนธาตุต่าง ๆ ที่เห็นได้อย่างชัดเจนคือรูปร่าง รูปทรง ที่มีการตัดทอนรายละเอียด แสดงเส้นรอบนอกด้วยเส้นโค้งลักษณะต่าง ๆ ได้อย่างกลมกลืนและสอดคล้องกัน ขนาด สัดส่วนของผลงานก็สัมพันธ์กันเป็นอย่างดี ส่วนสีของผลงานนั้นเป็นสีขาว ซึ่งเป็นสีของวัสดุที่ใช้ในการสร้างสรรค์คือปูปลาสเตอร์ เป็นการสื่อความหมายถึงความรักอันบริสุทธิ์ระหว่างแม่กับลูก ในส่วนของพื้นผิวจะมีลักษณะผิวเรียบ ละเอียด แสดงถึงความนุ่นนวล ละมุนละไม ให้ความรู้สึกปลอดภัย น่าทะนุถนอม
1.3 รูปแบบตามความรู้สึก (Abstraction)
หมายถึง การสร้างสรรค์งานศิลปะที่ไม่มีรูปแบบและเรื่องราวเหมือนจริง แต่มุ่งแสดงอารมณ์ความรู้สึกของศิลปินที่ถ่ายทอดลงในผลงาน
การสร้างสรรค์งานทัศนศิลป์รูปแบบตามความรู้สึก เป็นการนำทัศนธาตุมาใช้ในการจัดองค์ประกอบศิลป์และกระตุ้นให้เกิดอารมณ์ความรู้สึก เช่น ความสนุกสนาน ความตื่นเต้น ความน่ากลัว ความเศร้า ความสับสน ความร้อนแรง ความรัก เป็นต้น
ชื่อผลงาน เปลี่ยนแปลง
เทคนิค สีน้ำมันบนผ้าใบ
ผลงานของรุ่งศักด์ ดอกบัว
ผลงาน จิตรกรรม
สื่อความหมาย เป็นผลงานจิตรกรรมในรูปแบบตามความรู้สึก ศิลปินได้นำทัศนธาตุต่างๆมาใช้ในการสร้างสรรค์ผลงานด้วยสี รูปร่าง รูปทรงอิสระ ไม่มีรูปแบบที่ตายตัว ให้ความรู้สึกเคลื่อนไหว ตื่นตาตื่นใจ และแสดงถึงความเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
ศิลปินผสมผสานทัศนธาตุๆได้อย่างกลมกลืน โดยยึดความเป็นเอกภาพ
ชื่อผลงาน ชีวิตและศรัทธา
เทคนิค ประติมากรรมหล่อโลหะ
ผลงานของเข็มรัตน์ กองสุข
ผลงาน ประติมากรรมลอยตัว
สื่อความหมาย
เป็นผลงานประติมากรรมในรูปแบบตามความรู้สึก ที่ทำให้ผู้ชมใช้จินตนาการและความรู้สึกด้วยตนเอง
ศิลปินถ่ายทอดผลงานด้วยทัศนธาตุต่างๆที่เห็นได้อย่างชัดเจนคือรูปร่าง รูปทรง และบริเวณว่าง ที่มีรูปแบบตามความรู้สึก แสดงเส้นรอบนอกด้วยเส้นโค้งและเส้นตรงได้อย่างกลมกลืนและสอดคล้องกัน ขนาด สัดส่วนของผลงานก็สัมพันธ์กันเป็นอย่างดี ดูมีความมั่นคง ส่วนสีของผลงานนั้นเป็นสีแท้ของวัสดุ ศิลปินได้นำบริเวณว่างมาสร้างจุดสนใจในผลงาน โดยการเจาะจงผลงานให้เกิดบริเวณว่าง
2. แนวคิดในงานทัศนศิลป์เกิดจากเหตุผล
งานทัศนศิลป์เป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างสรรค์ขึ้นจากความคิด ความรู้สึก และความประทับใจในแง่มุมต่างๆ อันเป็นเหตุผลให้เกิดรูปแบบและวิธีการในการถ่ายทอดเป็นผลงานทัศนศิลป์ ซึ่งเกิดจากเหตุผลหลักๆดังนี้
2.1 ความประทับใจ เกิดจากการได้สัมผัส ชื่นชม และซาบซึ้งกับความงามในธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ทำให้เกิดแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะขึ้น ซึ้งอาจจะมีรูปแบบในการถ่ายทอดเลียนแบบธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เช่น

ชื่อผลงาน ลูกม้า
เทคนิค ประติมากรรมปูนปลาสเตอร์
ผลงานของไพฑูรย์ เมืองสมบูรณ์
ผลงาน ประติมากรรมลอยตัว
สื่อความหมาย
เป็นผลงานประติมากรรมที่เกิดจากความประทับใจในท่วงท่า และลีลาในการทำความสะอาดตัวเองของลูกม้า
2.2 แรงบันดาลใจ
เกิดจากความเชื่อ ความศรัทธาในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง เช่น ชาติ ศาสนา เทพเจ้า กษัตริย์ เป็นต้น แล้วเกิดความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์ผลงานาศิลปะเพื่ออุทิศถวายในสิ่งที่ตนเคารพบูชา รูปแบบในการถ่ายทอดอาจเป็นผลงานที่เหนือจากความเป็นจริง ซึ่งเกิดจากจินตนาการหรือความเชื่อในแบบอุดมคติ เช่น

ชื่อผลงาน ขอจงทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
เทคนิค สีน้ำบนกระดาษ
ผลงานของเกริกบุระ ยมนาค
ผลงาน จิตรกรรม
สื่อความหมาย
เป็นผลงานจิตรกรรมที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากความรัก ความจงรักภักดี และความศรัทธาในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช

ปิรามิดแห่งเมืองกิเซ นักเรียนสามารถ อธิบายสื่อความหมายได้ว่าอย่างไร………………………………..
…………………………………………………………………………………

2.3 สัญลักษณ์หรือสิ่งแทน
เกิดจากความต้องการสื่อสารเพื่อให้ผู้ชมผลงานได้เข้าใจในความหมายที่ต้องการสื่อ เป็นการเชื่อมโยงความคิดสร้างสรรค์กับสิ่งที่ต้องการสื่อความหมาย โดยมีรูปแบบเป็นสัญลักษณ์หรือสิ่งแทน
เช่น

ชื่อผลงาน การล่าสัตว์ปีก
เทคนิค จิตรกรรมปูนเปียก
ผลงาน จิตรกรรม
สื่อความหมาย
เป็นผลงานจิตรกรรมฝาผนังศิลปะอียิปต์ มีลักษณะการแสดงออกทางสัญลักษณ์สื่อสิ่งแทน เพื่อแสดงความสำคัญของฐานะบุคคล ด้วยขนาด สัดส่วน เช่น ภาพยนตร์หรือฟาโรห์จะมขนาดใหญ่ทีสุด

วีนัสแห่งวิลเลนดอร์ฟ(Venus of Willendrof)
สัญลักษณ์แทนความอุดมสมบูรณ์ เพศแม่ การเกิด